แนวข้อสอบ นักวิเคราะห์นโยบายและแผน กรุงเทพมหานคร (กทม) ปี 2567
แนวข้อสอบ วิเคราะห์นโยบายและแผน
1. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของนโยบาย
ก. แนวทางในการบรรลุผล
ข. ขั้นตอนหรือแผนงาน
ค.ทุนที่ใช้ในการดำเนินการ
ง. เป็นองค์ประกอบของนโยบายทุกข้อ
ตอบ ง. ทุนที่ใช้ในการดำเนินการ
องค์ประกอบของนโยบายสาธารณะมีดังนี้
1. ต้องมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ชัดเจน
2. ต้องประกอบด้วยลำดับขั้นตอนหรือแผนงานในการปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ ที่ได้กำหนดเอาไว้
3. ต้องมีลักษณะเป็นแนวทางหรือหลักการที่ประสงค์จะเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ให้ สามารถบรรลุผลสำเร็จลงได้
4. ต้องมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ ฯลฯ
2. ข้อใดถูกต้อง
一. Scientific Reasons : การนำไปใช้ในการแก้ปัญหาทางปฏิบัติ
二. Professional Reasons : การเข้าใจเหตุผลของการตัดสินใจ
三. Political Reasons : การดัดแปลงนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสมให้บรรลุเป้าหมาย
四. Policy Effects : ปัจจัยน้ำข้าวของนโยบาย เช่น ทรัพยากร
五. ไม่มีข้อใดถูก
ตอบ ค. Political Reasons: การดัดแปลงนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสมให้บรรลุเป้าหมาย
Thomas R.Dye กล่าวว่า “นโยบายสาธารณะ หมายถึง สิ่งใดก็ตามที่รัฐบาลเลือกที่จะกระทำ หรือไม่กระทำ” โดยเขาได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลของการศึกษานโยบายไว้ ๓ ประการได้แก่
1. เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Reasons) คือ การทำความเข้าใจเหตุและผลของการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบาย
2. เหตุผลทางวิชาชีพ (Professional Reasons) คือ การนำความรู้เชิงนโยบายไปใช้ในการแก้ปัญหาทางด้านการปฏิบัติ
3. เหตุผลทางการเมือง (Political Reasons) คือ การดัดแปลงนโยบายที่ถูกต้องเหมาะสมทางการเมืองมาใช้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเมือง
3. ความสมเหตุสมผลทางด้านปัทสถานเกี่ยวข้องกับการวางแผนในเรื่องใด
ก. การวางแผนที่เน้นเนื้อหา
ข. การวางแผนที่เน้นการตัดสินใจ
ค. การวางแผนที่เน้นการควบคุม
ง. การวางแผนที่เน้นการมีส่วนร่วม
จ. การวางแผนที่เน้นผลลัพธ์
ตอบ ข. การวางแผนที่เน้นการตัดสินใจ
ทฤษฎีการวางแผนที่เน้นเนื้อหาสาระหรือทฤษฎีเชิงสาระ เป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระเฉพาะเรื่องที่จะนำมาวางแผนเป็นอย่างมากโดยมุ่งอธิบายรายละเอียดของปัญหาและการแก้ปัญหาที่เจาะลึกในแต่ละเรื่องโดยไม่สนใจเรื่องวิธีการเช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนทฤษฎีการวางแผนที่เน้นการตัดสินใจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
1. การตัดสินใจแบบสมเหตุสมผลด้านการทำหน้าที่ ได้พัฒนาไปเป็นทฤษฎีเชิงกรรมวิธีซึ่งมุ่งอธิบายกระบวนการและการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน และต่อมาได้พัฒนาไปเป็นทฤษฎีการวางแผนที่เน้นกานนำนโยบายไปปฏิบัติ
2. การตัดสินใจแบบสมเหตุสมผลด้านปัทสถานได้พัฒนาไปเป็นทฤษฎีการวางแผนทางสังคมและการวางแผนสนับสนุน
4. ข้อใดถูกต้อง
ก. นโยบายสาธารณะได้มากจากการเจรจาต่อรองเกี่ยวข้องกับทฤษฎีสถาบันนิยม
ข. แนวคิดเชิงเศรษฐศาสตร์การเมืองเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่เน้นเนื้อหา
ค. ความสมเหตุสมผลทางด้านปัทสถานเกี่ยวข้องกับการวางแผนที่เน้นการตัดสินใจ
ง. ทฤษฎีเชิงกรรมวิธีต่อมาได้พัฒนาไปเป็นการวางแผนที่เน้นการนำนโยบายไปปฏิบัติ
จ. ข้อ ค. และ ข้อ ง. ถูก
ตอบ จ. ข้อ ค. และ ข้อ ง. ถูก
คำอธิบายดังข้อข้างต้น
5. ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. แผนงานเป็นตัวแปรที่ Cook & Scioll เสนอไว้ในตัวแบบของเขา
ข. การนำนโยบายไปปฏิบัติจะง่ายขึ้นในประเทศที่ปกครองแบบศูนย์รวมอำนาจ
ค. นโยบายทางด้านเศรษฐกิจเกี่ยวของกับการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน
ง. การจัดการศึกษานอกโรงเรียนเกี่ยวของกับนโยบายทางด้านการศึกษา
จ. นโยบายทางด้านเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับการกินดีอยู่ดีของประชาชน
ตอบ ค. นโยบายทางด้านเศรษฐกิจเกี่ยวของกับการสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน
นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ (Econmomic Policy) เป็นเรื่องที่เกี่ยงข้องกับความอยู่ดี กินดีของประชาชน ให้ประชาชนได้มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอะไรที่ได้มาซึ่งรายได้ รายจ่าย ซึ่งเมื่อจ่ายไปแล้วมีการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกัน ทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมอาชีพให้ประชาชน โครงการธนาคารประชาชน โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ การจัดตั้งกองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น
6. ข้อใดไม่ถูกต้อง
ก. การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาอยู่ในขั้นตอนการก่อตัวของนโยบาย
ข. การจัดทำร่างนโยบายอยู่ในขั้นตอนการเตรียมและเสนอนโยบาย
ค. การกำหนดทางเลือกอยู่ในขั้นตอนการเตรียมและเสนอนโยบาย
ง. การตีความหรือแปลงนโยบายอยู่ในขั้นตอนการนำนโยบายไปปฏิบัติ
จ. ถูกทุกข้อ
ตอบ จ. ถูกทุกข้อ
ขั้นตอนการก่อตัวของนโยบาย (Policy Formation) ประกอบด้วย การพิจารณาปัญหานโยบาย (Policy Problem) หรือความต้องการของประชาชนที่จะนำมากำหนดเป็นนโยบาย การพิจารณาเวลาที่เกิดปัญหา ส่วนขั้นตอนการประเมินผลนโยบาย (Policy Evaluation)
ประกอบด้วย
1. การกำหนดวัตถุประสงค์ของการประเมิน
2. การกำหนดเกณฑ์วัด และวิธีการตรวจสอบสิ่งที่ต้องการประเมิน
3. การกำหนดวิธีการรวบรวมข้อมูลและวิธีการรายงาน
4. การนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง
7. Pressman and Wildavsky ศึกษาเรื่องใด
ก. การปฏิรูปโรงเรียนรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข. การจ้างงานของชนกลุ่มน้อย
ค. การพัฒนาวิทยาลัยครูให้มาเป็นวิทยาลัยที่สมบูรณ์
ง. Catalytic Role Model
จ. โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาล
ตอบ ข. การจ้างงานของชนกลุ่มน้อย
Pressman and Wildavsky ได้เสนอผลงานวิจัยเรื่อง “Implementation” โดยมุ่งศึกษานโยบายการจ้างงานของชนกลุ่มน้อย แห่งนครโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผลงานวิจัยฉบับนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาการนำนโยบายไปปฏิบัติอย่างเป็นระบบและเป็นจุดกำเนิดของวิชาการนำนโยบายไปปฏิบัติอีกด้วย
8. ใครพบว่า การแสวงหาผลประโยชน์เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดความสำเร็จหรือล้มเหลวของการนำนโยบายไปปฏิบัติ
ก. ธงชัย สมครุฑ
ข. ปิยวดี ภูศรี
ค. อาคม ใจแก้ว
ง. สากล จริยวิทยานนท์
จ. เจษฎา อุรพีพัฒนพงศ์
ตอบ จ. เจษฎา อุรพีพัฒนพงศ์
เจษฎา อุรพีพัฒนพงศ์ ได้ศึกษาเรื่อง “การปฏิบัตินโยบายสำหรับชายแดนภาคใต้: ศึกษืเท่านั้น แล้วผลการศึกษาในเรื่องนี้ ผู้วิจัยก็พบว่าการแสวงหาผลประโยชน์ เป็นปัจจัยประการหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการกำหนดความล้มเหลวหรือความสำเร็จของนโยบายไปปฏิบัติ
9. ความสามารถในการผลิตหรือให้บริการ โดยมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำสุด ถือว่าเป็นเกณฑ์ประเภทใด
ก. ประสิทธิผล
ข. ประสิทธิภาพ
ค. ความเหมาะสม
ง. ความเป็นธรรม
จ. ความสามารถในการตอบสนอง
ตอบ ข. ประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพ หมายถึง ความสามารถในการบรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของนโยบาย โดยใช้ต้นทุนต่ำสุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความสามารถในการผลิตผลผลิตหรือให้บริการ โดยมีต้นทุนต่อหน่วยต่ำสุด
10. ความสามารถของทางเลือกที่สอดคล้องกับค่านิยมพื้นฐานของกลุ่มต่าง ๆ ถือว่าเป็นเกณฑ์ประเภทใด
ก. ประสิทธิผล
ข. ประสิทธิภาพ
ค. ความเหมาะสม
ง. ความเป็นธรรม
จ. ความสามารถในการตอบสนอง
ตอบ จ. ความสามารถในการตอบสนอง
ความสามารถในการตอบสนอง หมายถึง ความสามารถของทางเลือกที่สอดคล้องกับความต้องการ ความชอบและค่านิยมพื้นฐานของกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งทางเลือกที่มีความสามารถในการตอบสนองสูงก็คือ ทางเลือกที่ต้องการทำให้กลุ่มที่มีความจำเป็นสูงได้รับผลจากทางเลือกก่อนนั้นเอง
แนวข้อสอบภาค ข.
นักวิเคราะห์นโยบายปฏิบัติการ
1. ข้อใดไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์ที่ Marshall Dimock กล่าวถึง
(1) สัญชาตญาณ (2) การสังเคราะห์ (3) การใช้เหตุผล (4) จินตนาการ (5) การเปลี่ยนความสนใจ
ตอบ (3) การใช้เหตุผล
2. ข้อใดถูกต้อง
(1) การวิจัยดำเนินงาน : เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลของนโยบายทางสังคม
(2) การสร้างดัชนี : การนำตัวแบบคณิตศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหา
(3) ตารางวิเคราะห์ปัญหา : การหาความสัมพันธ์ระหว่างปัญหาสาเหตุ และแนวทางแก้ไข
(4) การระดมสมอง : เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลของนโยบายทางสังคม
(5) การวิจัยดำเนินงาน : การวิเคราะห์ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ตอบ (5) การวิจัยดำเนินงาน : การวิเคราะห์ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
3. ข้อใดไม่ถูกต้อง
(1) การระดมสมอง : การวิเคราะห์ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
(2) การสร้างดัชนี : เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลของนโยบายทางสังคม
(3) การทดลองทางสังคม : การใช้นโยบายในกลุ่มเป้าหมายเล็กๆ ก่อนที่จะนำไปใช้ในกลุ่มเป้าหมาย
จริง
(4) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล : วิธีที่พิจารณาสาเหตุของปัญหาว่ามีปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
อะไรบ้างและปัจจัยเหล่านั้นก่อให้เกิดผลอย่างไร
(5) การระดมสมอง : เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลของนโยบายทางสังคม
ตอบ (5) การระดมสมอง : เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลของนโยบายทางสังคม
4. ข้อใดถูกต้อง
(1) การประเมินผลแบบทดลอง : วิธีที่สามารถทดสอบว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นมาจากอิทธิพลของนโยบาย
อย่างแท้จริง
(2) การสร้างดัชนี : เป็นเทคนิคที่ใช้ในการประเมินผลของนโยบายทางสังคม
(3) การวิเคราะห์อนุกรมเวลาแบบขาดตอน : วิธีการที่เน้นเอาข้อคิดและความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญมา
เปรียบเทียบกันเพื่อหาข้อสรุป
(4) ถูกข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ (4) ถูกข้อ 1 และ 2
5. ข้อใดถูกต้อง
(1) การทดลองทางสังคม : ต้องการทราบการตัดสินใจของผู้กำหนดนโยบาย
(2) การระดมสมอง : การวิเคราะห์ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
(3) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล การใช้นโยบายในกลุ่มเป้าหมายเล็กๆ ก่อนที่จะ
นำไปใช้ในกลุ่มเป้าหมายจริง
(4) ไม่มีข้อใดถูก
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ (2) การระดมสมอง : การวิเคราะห์ปัญหาโดยการประชุมร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
6. ข้อใดถูกต้อง
(1) การวิเคราะห์อนุกรมเวลาแบบขาดตอน : ในกรณีที่มีกลุ่มเป้าหมายหลักเพียงกลุ่มเดียวและต้องการ
ทราบการเปลี่ยนแปลงภายหลังมีนโยบาย
(2) วิธีเดลฟีเชิงนโยบาย : วิธีการที่เน้นเอาข้อคิดและความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมาเปรียบเทียบกันเพื่อ
หาข้อสรุป
(3) การตรวจสอบทางสังคม : วิธีการที่ต้องอาศัยเชิงคุณภาพเน้นการเข้าไปมีส่วนร่วมของผู้ประเมิน
(4) ถูกข้อ 1 และ 2
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ (5) ถูกทุกข้อ
7. การเน้นให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นเพื่อให้นโยบายที่เกิดขึ้น
สนองตอบต่อสังคมโดยส่วนรวมอย่างแท้จริง เป็นแนวโน้มเกี่ยวกับเรื่องใด
(1) มาตรฐาน (2) เป้าหมายและคุณค่า (3) การดำเนินนโยบาย (4) วิธีการ (5) การสร้างตัวแบบหรือทฤษฎี
ตอบ (2) เป้าหมายและคุณค่า
8. ลักษณะใดไม่ใช่ลักษณะพิเศษของการนำไปปฏิบัติ
(1) มีผู้เกี่ยวข้องสำคัญมากมาย
(2) มีปัจจัยหลายประการที่ควบคุมได้
(3) ผู้เกี่ยวข้องล้วนมีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย
(4) หน่วยงานหลายระดับร่วมกันดำเนินงาน
(5) ถูกทุกข้อ
ตอบ (2) มีปัจจัยหลายประการที่ควบคุมได้
9. จากการศึกษานโยบายการจ้างงานของชนกลุ่มน้อยของเพรสแมนและเวิลดัฟสกีนั้น พบว่าข้อใดไม่ใช่
สาเหตุของความล้มเหลว
(1) ผู้ริเริ่มและรับผิดชอบไม่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
(2) มีประเด็นการตัดสินใจมากเกินไป
(3) มีจำนวนหน่วยงานที่มีส่วนร่วมมากเกินไป
(4) ผู้ปฏิบัติงานขาดความสามารถ
(5) ลักษณะของโครงการไม่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมาย
ตอบ (4) ผู้ปฏิบัติงานขาดความสามารถ
10. ปัจจัยใดไม่เกี่ยวข้องกับการส่งผลของการนำนโยบายไปปฏิบัติของโครงการรัฐบาลกลางในการให้
การสนับสนุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาฉบับที่ 3
(1) การมีส่วนร่วมของประชาชนในการสนับสนุนรัฐบาลกลาง
(2) การสนับสนุนจากผู้บริหารทุกระดับในการนำนโยบายไปปฏิบัติ
(3) ขอบเขตของโครงการที่ชัดเจน
(4) วิธีการบริหารที่ยืดหยุ่นเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดหวัง
(5) ความช่วยเหลือทางเทคนิค
ตอบ (3) ขอบเขตของโครงการที่ชัดเจน